การถูก “กักบริเวณ” เป็นบทลงโทษที่ดูจะโหดร้ายมากสำหรับเด็กคนหนึ่ง บางคนอาจจะโดนตอนเด็กๆ กักแค่ชั่วโมงสองชั่วโมง เข้ามุมอะไรก็ว่าไป แต่เรื่องราวของผมมันเลวร้ายกว่านั้น เรื่องมันเกิดขึ้นตอน ม.1 ครับ
ช่วงสารภาพบาป สนับสนุนโดย น้ำยาล้างจาน สเลดเป็ด ล้างสะอาดยันคราบความผิดในอดีต (ขอยืมมุกคุณ KnightNum มาใช้นะครับ)
ตอนนั้นผมเพิ่งขึ้น ม.1 โรงเรียนอักษรย่อ ส.ก.น. คือถ้าผมมีสติสมาธิดีๆมันก็คงไม่มีอะไรหรอก แต่ช่วงนั้นผมก็ใช้สกิลม่ออ่ะครับ ม่อมันทั้งระดับชั้น จนไปติดสาว Gifted คนนึง เธอชื่อโรส แอดมินเพจเกม Headshot ผมก็ตีสนิทกะเอาโค้ดปืนแรร์ เธอบอกเติมทรูมาก่อน 500 บา… ทุ้ย! คนละโรสกันว้อย
พอๆ เข้าเรื่องต่อ… ผมก็ตามเกาะแกะเธอนั่นแหละครับ แวะมาหาที่ห้องทุกวัน คือ ห้อง Gifted มันจะอยู่คนละตึกกัน ผมก็เดินไปหาทุกเช้า ไปพูดจาแทะโลมเธอ ก็ดูเหมือนปกติของวัยรุ่นนะ จีบสาวเนี่ย
แต่ประเด็นคือ นางไม่เล่นด้วย นางไปฟ้องพ่อ พ่อก็รายการช่อง2 มาเลย (จุดเดือดไง แต่จะเล่นทำไมเนี่ย รายการก็หลุดผังมาเกือบปีแล้ว) เล่นกับฝ่ายปกครองสิครับ จะรออะไร
ส่งหนังสือไปฝ่ายปกครองเลย
จะแก้ตัวก็ยาก แม่งถ่ายคลิปตอนผมจีบนาง มีลายเซ็นยืนยันว่าอยู่ในเหตุการณ์จากเพื่อนนางทั้งห้อง! โอ้โห นางเล่นใหญ่มากครับ ถึงขั้นจะให้ไล่ผมออกเลยทีเดียว มารู้ทีหลังว่าพ่อนางเป็นใหญ่เป็นโตในสายการบินแห่งชาติสายการบินหนึ่ง ถึงว่าละ เส้นใหญ่ราดหน้าเลยทีเดียว
พอเรื่องมาก็เรียกแม่มาสิครับ ศาลตัดสินให้กักบริเวณผมให้อยู่แต่ในห้องปกครองจนหมดเทอม! (จุดเริ่มต้นการเรียนที่บ้านเลย เพราะตอนเทอม2กับม.3/5/6 ไม่มารร.ละอยู่บ้านเลย) ดูโหดร้ายมากเลยใช่มะ คือ ฝ่ายปกครองจะให้ผมนั่งอยู่ในห้องสมาคมศิษย์เก่าทั้งวัน นั่งทำชีททำแบบฝึกหัดอ่านหนังสือไป กินขนมในตู้เย็นห้องปกครองไป เดี๋ยวๆ ขโมยขนมอ.กินเนี่ยนะ
ช่วงนั้นก็คือ พอเข้ามาถึงโรงเรียนก็โดนดักให้เข้ามาในห้องปกครองเลย เข้าห้องขังตั้งแต่เช้ายันเลิกเรียน แต่ก็ต้องขอบคุณน้ำใจเพื่อนๆ 1/4 ตอนนั้นมากๆ ที่แวะมาเยี่ยมตอนพักเที่ยง เอางานมาให้ มาติวหนังสือให้
คือ ไม่ได้เข้าเรียนไง เพื่อนก็เลยต้องสอนให้ ซาบซึ้งในน้ำใจจริงๆเลย ส่วนครูปกครองบางคนก็ใจดีนะ ว่างก็แวะเข้ามาหาในห้อง ไม่รู้เข้ามาเยี่ยมหรือมาคุม แต่ก็ดีครับ ไม่งั้นเหงาแย่ แถมยังใจดีซื้อข้าวใส่กล่องมาให้ด้วย
ตอนที่ผมอยู่ในนั้นผมรู้สึกเศร้าสลดมากครับ มันเหมือนติดคุกดีๆนี่เอง แต่ทำไงได้ล่ะ ดันไม่มีสติเอง ดันควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้เอง เลยนั่งทบทวนตัวเองจนมาถึงตอนนี้มันทำให้ผมพยายามหาวิธีฝึกสมาธิฝึกสติตัวเองมากขึ้น เพราะไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนั้นอีก
แต่อย่างว่า ความใจร้อนของเรามันติดเป็นสันดานไปแล้วไง แก้ยังไงก็ไม่หาย
และผมก็อยู่อย่างนี้จนถึงสอบปลายภาค ครูก็จับผมสอบห้องพิเศษด้วย นั่งสอบคนเดียว! ในห้องอำนวยการสอบ เหงามาก จะลอกใครก็ไม่ได้ แต่สุดท้ายผมก็ผ่าน ม.1 เทอม 1 ที่แสนโหดร้ายนี้ได้ด้วยเกรดเฉลี่ย 3.58
แต่ถามว่าผมใจเย็นลงไหม ไม่เลยครับ! สำนึกผิดนะ แต่มันแก้นิสัยตัวเองไม่ได้แล้วไง ดังนั้น ม.1 เทอม 2 ผมจึงก่อเรื่องอีก ซึ่งเดี๋ยวจะมาเล่าในโอกาสต่อไปครับ